น้ำมันงาม่อน งาขี้ม้อน บริสุทธิ์ 100ซีซี

"งาม้อน"ชะลอความแก่ได้
บ้านเราปลูกงาม้อนมานานแล้วครับ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน รวมพื้นที่ปลูกแล้วราว 3,400 ไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย 80 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกงาม้อนส่วนใหญ่ปลูกในพื้นที่ดอน อาศัยน้ำฝน เกษตรกรที่ปลูกเป็นเกษตรกรรายย่อย



 งาม้อน ที่ว่านี้ เป็นพืชสมุนไพรที่มีประวัติการใช้ได้เป็นทั้งอาหารและยาในประเทศแถบเอเชียมานานแล้ว ที่สำคัญ ล่าสุดศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรน่าน จ.น่าน มีการวิจัยมล็ดงาม้วน พบว่ามีสาร "โอเมก้า 3" ในงาม้อน ซึ่งสารที่ว่านี้สำคัญมากครับ คือจะช่วยบำรุงสมอง ชะลอความแก่ แก้เคล็ดขัดยอก ลดริ้วรอยบนใบหน้า บำรุงผิว

 เรื่องของชะลอความชรา ลดริ้วรอยบนใบหน้า เป็นสิ่งที่มนุษย์วัยเลยหลักสี่ต้องการมากครับ หากบริษัทใดสามารถผลิตเครื่องสำอาง หรืออาหารเสริมที่สามารถชะลอความแก่ ลดรอยยนใบหน้าได้ รวยกับรายอย่างเดียวครับ เพราะคนเราพออายุเกิน 40 ปีไปแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิง สิ่งที่พวกเธอกลัวมากที่สุดคือความยนบนใบหน้าและความเหี่ยว ทุกคนอยากให้ดูเป็นสาว จะเห็นได้ว่า ดารานักแสดงยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อให้เองดูดีครับ

 สารโอเมก้า 3 ในงาม้วน เป็นเรื่องจริงครับ ท่านอธิบดีกรมวิชาการเกษตร "จิรากร โกศัยเสวี" ยืนยันว่า ตามที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรน่าน กรมวิชาการเกษตร ได้นำร่องงานวิจัยเกี่ยวกับการปลูกงาม้อน พบว่าในงาม้อนมีโอเมก้า 3 ซึ่งในร่างกายมนุษย์เราไม่สามารถผลิตเองได้

 เสน่ห์อย่างหนึ่งของงาม้อนคือ มีกลิ่นเฉพาะตัว จะให้ผลผลิตมากในช่วงต้นฤดูหนาว เป็นไม้พุ่มสูง 1-2 เมตร ลำต้นตั้งตรง เป็นสันสี่เหลี่ยม ในงาม้วนมีคุณค่าทางอาหารหลายอย่างครับ เช่น กรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง ฟอสฟอรัสและแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไป 40 และ 20 เท่า ตามลำดับ มีวิตามินบี นอกจากนั้น ยังมีสารเซซามอลช่วยชะลอความแก่ น้ำมันหอมระเหยจากใบ (volatile oil) เป็นสารประเภท aldehyde เรียกว่า perilla aldehyde ใช้เป็นสารแต่งกลิ่นอาหาร และมีสรรพคุณแก้เคล็ดขัดยอก ลดริ้วรอยบนใบหน้า บำรุงผิวด้วย

 ท่านอธิบดีกรมวิชาการเกษตร บอกว่า การใช้ประโยชน์จากงาม้อนสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย เช่น เมล็ดนำมารับประทานผสมข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ข้าวหนุกงา” นอกจากนี้เมล็ดงาม้วนสามารถแปรรูปเป็นขนม งาคั่ว ปัจจุบันนำไปใช้เป็นอุตสาหกรรมเครื่องสำอางบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากงาขี้ม้อน น้ำมันสกัดจากใบใช้เป็นน้ำมันหอมระเหย ในประเทศญี่ปุ่นใช้เป็นสารแต่งรสชาติ และน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดใช้ทำอาหารและยา

 จากการที่พบสารสำคัญดังกล่าว ในปีงบประมาณ 2553-2558 กรมวิชาการเกษตรจึงดำเนินการทดลองพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปงาม้อนที่มีคุณภาพดี เพื่อรวบรวมและคัดเลือกพันธุ์งาม้อน พร้อมเทคโนโลยีการผลิต รวมถึงการแปรรูปให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมีสารสำคัญสูง เพื่อต่อยอดให้เกษตกรปลูก และสร้างเป็นรายได้ในครัวเรือนต่อไป

 ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจครับ หากสามารถแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถชะลอความแก่ และแก้รอยยนบนใบหน้าได้ เกษตรกรที่ปลูกงาม้อนมีอนาคตแน่อนนครับ !




ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20101229/84097/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.html#.UXskgqJkNLc